กิจวัตร
กิจวัตร
๑๐ ประการ
กิจวัตรพื้นฐานของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ที่บรรพชนประพฤติมาไม่ขาดสาย ๑๐ ประการ
กิจวัตรพื้นฐานของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ที่บรรพชนประพฤติมาไม่ขาดสาย ๑๐ ประการ
๑.
ลงอุโบสถ (= ประชุมฟังสวดพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือน)
๒.
บิณฑบาตเลี้ยงชีพ
๓.
สวดมนต์ไหว้พระ
๔.
กวาดอาวาสวิหารลานพระเจดีย์
๕.
รักษาผ้าครอง (= ใช้เครื่องนุ่งห่มหนึ่งชุด ดูแลให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ)
๖.
อยู่ปริวาสกรรม
๗.
โกนผม ปลงหนวด ตัดเล็บ
๘.
ศึกษาสิกขาบทและปฏิบัติพระอาจารย์
๙.
เทศนาบัติ (= ปลงอาบัติ เป็นกิจวัตรประจำวัน)
๑๐.
พิจารณาปัจจเวกขณะทั้ง ๔ เป็นต้น (= ใช้สอยปัจจัยอย่างมีสติ)
กิจวัตร
๑๐
เหล่านี้เป็นกิจใหญ่ควรที่ภิกษุจะต้องศึกษาให้ทราบความชัดและจำไว้เพื่อปฏิบัติสมควรแก่สมณสารูปแห่งตน
ฯ
ประโยชน์ของกิจวัตร
๑๐ อย่าง
๑. ลงอุโบสถ , ได้ประโยชน์ ๖ อย่าง
๑. ได้ส่งเสริมพระธรรมวินัย
๒. ทำให้เกิดความสามัคคี
๓. มีความบริสุทธิ์
๔. มุตตกนิสัย
๕. คนเลื่อมใสศรัทธา
๖. พาให้เป็นแบบอย่างที่ดี
๒. บิณฑบาต เลี้ยงชีพ
, ได้ประโยชน์
๖ อย่าง
๑. ได้เจริญรอยตามยุคลบาท
๒. ได้โอกาสออกกำลังกายตอนเช้า
๓. ได้เข้าถึงความสำนึกในพระคุณแม่
๔. ได้เห็นทุกข์ในการแสวงหาอาหาร
๕. ได้เห็นความต้องการของประชาชน
๖. ได้ทำตนให้เป็นเนื้อนาบุญยิ่งขึ้น
๓.
สวดมนต์ไหว้พระ , ได้ประโยชน์
๖
๑. ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า
๒. เข้าใจศาสนพิธี
๓. มีจิตเป็นกุศล
๔. ทำตนให้แกล้วกล้า
๕. ชาวบ้านศรัทธา
๖. รักษาสัทธรรม
๔.
กวาดวิหารลานเจดีย์ , ได้ประโยชน์
๖ อย่าง
๑. ได้ออกกำลังกาย
๒. ทำให้สถานที่สะอาด
๓. ปราศจากโรคภัย
๔. จิตใจคลายเครียด
๕. เสนียดจัญไรลดลง
๖. คงไว้ซึ่งศรัทธา
๕. รักษาผ้าครอง , ได้ประโยชน์ 6 อย่าง
๑. ได้ตื่นแต่เช้า
๒. เอาใจใส่ในกิจวัตร
๓. ฝึกหัดจิตใจ
๔. ทำให้สุขภาพดี
๕. มีความจำเยี่ยม
๖. เตรียมตารางชีวิต
๖. อยู่ปริวาสกรรม , ได้ประโยชน์ ๖ อย่าง
๑. ได้ปฏิบัติตามกิจวัตร
๒. ได้กำจัดอาบัติโทษ
๓. ได้โปรดญาติโยม
๔. ได้ข่มมานะและทฏิฐิ
๕. ปิติปราโมทย์
๖. ได้ประโยชน์ในการแพร่ศาสนา
๗. โกนผม โกนหนวด
ตัดเล็บ , ได้ประโยชน์
๖ อย่าง
๑. ปฎิบัติตามปัจจกัมมัฎฐาน
๒. ขจัดความสกปรก
๓. ยกย่องธรรมเนียม
๔. รู้จักการปลง
๕. ไม่ยึดติดใน รูป
๖. เครพต่อคำสอนของอุปัชฌาย์
๘. ศึกษาและปฏิบัติครูอาจารย์ , ได้ประโยชน์ ๖ อย่าง
๑. เข้าใจในหลักของตน
๒. พ้นความสงสัย
๓. ป้องกันภัยจากอาบัติ
๔. ยืนหยัดกตัญญู
๕. เคารพครูอาจารย์
๖. สืบสานวัฒนธรรม
๙. เทศนาบัติ , ได้ประโยชน์ ๖ อย่าง
๑. เป็นผู้ไม่ประมาท
๒. ปราศจากมลทิน
๓. มีศีลบริสุทธิ์
๔. หยุดความวิปฏิสาร
๕. ทำการบอกอาบัติ
๖. กำจัดความรังเกียจ
๑๐. พิจารณาปัจจเวกขณะ
,
ได้ประโยชน์ ๖
อย่าง
๑. ไม่เป็นผู้มักมากในลาภ
๒. ฉันอาหารไม่เป็นโทษ
๓. ไม่ยึดติดกับสิ่งของเสนาสนะ
๔. เป็นประโยชน์แก่กัมมัฏฐาน
๕. รู้จักรักษาโรคด้วยตนเองเป็นเบื้องต้น
๖. เป็นผู้มีสติ สมาธิ รอบคอบ
ต้องขอยอมรับตัวเองว่าบางข้อต้องใช้พลังกายและใจฝึกจริงๆ
แต่ก็ต้องพยายามฝึก เพื่อความเป็นพระในหน้าที่ กิจวัตรสิบข้อนี้ คือ
รูปแบบของคนที่จะเป็นพระที่ดี ถึงบางข้อจะห่างเหินการปฏิบัติ
แต่เราก็ต้องพยายามรักษากิจวัตร ข้ออื่นๆที่มีโอกาสกระทำให้ได้ เพื่อความเป็นพระที่คนอื่นๆจะกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
และไมเป็นบาปกับตัวเรา บวชพระเพื่อสละลดกิเลศ และเรา คือพระเสขะ ที่
ขจัดขัดถูกิเลศที่กัดใจอยู่เรื่อยไป เพื่อ สุดท้าย เป็นพระอเสขะ
ปัญหา
พระอริยสาวกเช่นไรเรียกว่าพระเสขะ พระอริยสาวกเช่นใดเรียกว่าพระอเสขะ ?
พระอนุรุทธะตอบ
“ดูก่อนท่านผู้มีอายุ บุคคลที่จะชื่อว่าเป็นพระเสขะ เพราะเจริญสติปัฏฐาน ๔
ได้เป็นส่วน ๆ ...บุคคลที่จะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ เพราะเจริญสติปัฏฐาน ๔
ได้บริบูรณ์...” สติปัฏฐานสี่ คือการกระทำ
ที่มีสติ รู้ตัว ทั่วพร้อม อยู่กับปัจจุบัน
การทำกิจวัตรของพระเป็นการฝึกอยู่กับปัจจุบัน
ในทางที่ขจัดขัดเกลากิเลศ นี้คือ หนทาง สู่สิ่งสูงสุดหรับชีวิตที่เราควรจะได้รับ.
Post a Comment