บทสวด-กะระณียะเมตตะสุตตัง
กะระณียะเมตตะสุตตัง
กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ | ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ |
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ | สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานิ |
สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ | อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ |
สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ | อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ |
นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ | เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง |
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ | สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา |
เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ | ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา |
ทีฆา วา เย มะหันตา วา | มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา |
ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา | เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร |
ภูตา วา สัมภะเวสี วา | สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา |
นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ | นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ |
พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา | นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ |
มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง | อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข |
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ | มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง |
เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง | มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง |
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ | อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง |
ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา | สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ |
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ | พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ |
ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา | ทัสสะเนนะ สัมปันโน |
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง | นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ |
แปล
(หันทะ มะยัง กะระณียะเมตตะสุตตะคาถาโย ภะณามะ เส)
กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
-กิจอันภิกษุ(ผู้บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ในป่า) ผู้ฉลาดในประโยชน์
ใคร่จะบรรลุสันตบทอยู่เสมอ พึงกระทำก็คือ
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
-พึงเป็นผู้อาจหาญ เป็นคนตรง และเป็นคนซื่อ
สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
-เป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน และไม่เย่อหยิ่ง
สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ
-เป็นผู้สันโดษ เป็นผู้เลี้ยงง่าย
อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
-เป็นผู้มีกิจน้อย มีความประพฤติเบาพร้อม(คือเหมาะสม)
สันตินท๎ริโย จะ นิปะโก จะ
-มีอินทรีย์อันสงบระงับ มีปัญญารักษาตน
อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
-เป็นผู้ไม่คะนอง เป็นผู้ไม่พัวพันกับชาวบ้าน
นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
-ไม่พึงประพฤติในสิ่งที่เลวทรามใดๆ
ที่เป็นเหตุให้คนอื่นซึ่งเป็นผู้รู้ ติเตียนเอาได้
สุขิโน วา เขมิโน โหตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
-จงเจริญเมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีความสุขกายสุขใจ
มีแต่ความเกษมสำราญเถิด
เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ
-สัตว์มีชีวิตทั้งหลาย ทุกเหล่าหมดบรรดามี
ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
-ที่เป็นประเภทเคลื่อนไหวได้ก็ดี ประเภทอยู่กับที่ก็ดี
ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
-เป็นสัตว์มีขนาดลำตัวยาว ปานกลาง หรือสั้นก็ดี
เป็นสัตว์มีลำตัวใหญ่ ปานกลาง หรือเล็กก็ดี
เป็นชนิดมีลำตัวละเอียด หรือมีลำตัวหยาบก็ดี
ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา
-เป็นจำพวกที่ได้เห็นแล้ว หรือไม่ได้เห็นก็ดี
เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
-เป็นผู้อยู่ในที่ไกล หรือในที่ใกล้ก็ดี
ภูตา วา สัมภะเวสี วา
-เป็นผู้ที่เกิดแล้ว หรือกำลังแสวงหาที่เกิดอยู่ก็ดี
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
-ขอสัตว์ทั้งปวงนั้น จงเป็นผู้มีความสุขกายสุขใจเถิด
นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
-บุคคลไม่พึงข่มแหงกัน
นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
-ไม่พึงดูหมิ่นเหยียดหยามกัน ไม่ว่าในที่ไหนๆ
พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
-ไม่พึงคิดก่อทุกข์ให้แก่กันและกัน เพราะความโกรธและความคุ้มแค้น
มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
-มารดาถนอมบุตรคนเดียว ผู้เกิดในตน
ด้วยการยอมสละชีวิตของตนแทน ฉันใด
เอวัมปิ สัพพะภุเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
-พึงเจริญเมตตาจิตอันกว้างใหญ่ อันหาประมาณมิได้
ในสัตว์ทั้งปวง แม้ฉันนั้นเถิด
เมตตัญจะ สัพพะโลกัส๎มิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
-พึงเจริญเมตตาจิตอันกว้างใหญ่ อันหาขอบเขตมิได้
อันไม่มีเวร ไม่มีศัตรูคู่ภัย ไปในสัตว์โลกทั้งสิ้น ทั้งในทิศเบื้องบน
ในทิศเบื้องต่ำ และในทิศขวาง
ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พ๎รัห๎มะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
-บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวเมตตาวิหารธรรมนี้ว่า
เป็นพรหมวิหารในพระศาสนานี้
ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา
-บุคคลผู้นั้น ละความเห็นผิด คือสักกายทิฐิเสียได้เป็นผู้มีศีล
ทัสสะเนนะ สัมปันโน
-ถึงพร้อมแล้ว ด้วยญาณทัสสนะ
(คือการเห็นอริยสัจ ๔ ด้วยญาณ ซึ่งเป็นองค์โสดาปัตติมรรค)
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง
-สามารถกำจัดความยินดีในกามทั้งหลายเสียได้ (ด้วยอนาคามิมรรค)
นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ
-ย่อมไม่ถึงซึ่งการนอนในครรภ์อีก โดยแท้ทีเดียวแล (คือไม่กลับมาเกิดอีก)
...............................................
รวบรวมโดย พระครูอรุณธรรมรังษี (เอี่ยม สิริวัณโณ)
Post a Comment